10 ภาพยนตร์ฝรั่งเศส

10 ภาพยนตร์ฝรั่งเศส ที่ดีที่สุดตลอดกาลที่เคยมีมา

10 ภาพยนตร์ฝรั่งเศส

บางคนอาจจะคุ้ยเคยกับภาพยนตร์จาก Hollywood มากกว่า แต่ครั้งนี้เราจะมาพูดถึง ภาพยนตร์ฝรั่งเศส โดยเฉพาะ French New Wave กับ 10 ภาพยนตร์ฝรั่งเศส ที่ดีที่สุดตลอดกาลที่เคยมีมา

French New Wave หรือว่า กลุ่มคลื่นลูกใหม่ฝรั่งเศส คลื่นลูกใหม่ของฝรั่งเศสคือกลุ่มผู้กำกับที่เลื่องลือกระฉ่อนซึ่งได้ระเบิดเข้าสู่ฉากภาพยนตร์ในช่วงปลายยุค 1950s; ปฏิวัติการประชุมภาพยนตร์ด้วยการแต่งงานกับการตัดฮอลลีวู้ดอย่างรวดเร็วด้วยแนวโน้มทางปรัชญา Lindsay Parnell สำรวจกลุ่มผู้กำกับหนุ่มคนใหม่ที่เปลี่ยนโฉมภาพยนตร์ใหม่ French New Wave Cinema ปฏิเสธการวางแนวเชิงเส้นแบบดั้งเดิมของการเล่าเรื่องและสร้างภาพยนตร์ภาษาใหม่ขึ้น แรงบันดาลใจจากการแสดงออกของคนธรรมดาคนงานระดับล่างของ Neorealism อิตาเลียนและ ‘Golden Age’ อันเป็นที่รักของฮอลลีวู้ดคลื่นลูกใหม่ของ French New Wave กลายเป็นอิทธิพลที่มีชีวิตชีวาต่อโรงภาพยนตร์ระดับนานาชาติซึ่งยังคงรู้สึกถึงวันนี้

10 ภาพยนตร์ฝรั่งเศส ที่ดีที่สุดตลอดกาลที่เคยมีมา

10. Jules and Jim (1962)

จากผู้กำกับ French New Wave ชื่อดัง François Truffaut กับหนังเรื่องที่ถือว่าสร้าง ‘ภาษา’ ของภาพยนตร์ได้อย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์, เรื่องราวรักสามเศร้าของ Jules และ Jim ต่อ Catherine ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่า ‘รักคือความเสียสละ’, เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้เพราะมาก ติดอันดับ 10 Best Soundtracks ของนิตยสาร TIME เลยทีเดียว

9. La Haine (1995)

La Haine แปลตรงตัวว่า Hate หรือเกลียด ซึ่งตลอดทั้งเรื่อง หนังขาวดำเรื่องนี้ก็บรรจุ ความเกลียดแค้น อยู่ในทุกอณู

เรื่องราวเกิดขึ้นใน 1 วันหลังจากเกิดจลาจลครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เพื่อนร่วมแก๊งวัยหนุ่ม 3 คนซึ่งล้วนเป็นชาวต่างด้าว อาศัยอยู่ในเขตสลัม กำลังโกรธจัดที่เพื่อนรักอีกคนโดนตำรวจจับไปและถูกซ้อมจนต้องนอน ICU

ทั้งสามใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ เช่นยืนซ้อมพูดหน้ากระจกแบบหนังเรื่อง Taxi Driver ตระเวนไปทะเลาะกับคนโน้นคนนี้ พอไม่มีใครก็ทะเลาะกันเอง ซ้อมตำรวจเพื่อระบายความแค้น จนกระทั่งเก็บปืนที่ตำรวจทำหล่นเอาไว้ได้ และเมื่อเด็กหนุ่มที่กำลังโกรธแค้นสังคม มีอาวุธอยู่ในมือ ความรุนแรงของระเบิดเวลาเป็นที่เดาได้ เพียงแต่ในฐานะคนดู เราไม่รู้ว่าจะไปลงกับใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ หนังมันชวนลุ้นสนุกตรงนี้

8. Les Diaboliques (1955)

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ ‘คริสติน่า’ เมียหลวงของอาจารย์ใหญ่ร่วมมือกับ ‘นิโคล’ ซึ่งเป็นเมียน้อย ทั้งคู่วางแผนฆ่าคนรักของตัวเองเพราะทนความเลวร้ายของเขาไม่ไหว แต่แล้วเมื่อแผนการฆาตกรรมสำเร็จ ศพกลับหายไปพร้อมมีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นกับเธอทั้งสอง

7. Amélie (2001)

เอมิลี่ (Amélie) เป็นภาพยนตร์ตลกโรแมนติก กำกับโดย Jean-Pierre Jeunet และ แสดงโดย Audrey Tautou ชื่อเดิมภาษาฝรั่งเศส คือ Le Fabuleux Destin d’Amélie Poulain (พรหมลิขิตที่แสนงดงามของ เอมิลี่ พูเลน) ซึ่งเป็นบทประพันธุ์ ของ Juenet และ Guillaume Laurant ภาพยนตร์เรื่องนี้พรรณนาอย่างเพ้อฝันเกี่ยวกับชีวิตสมัยใหม่ของชาวปารีส ถ่ายทำที่ Montmartre ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องโดยตัวเอก คือ สาวพนักงานเสิร์ฟผู้มีนิสัยขี้อาย เธอตัดสินใจที่จะพยายามเปลี่ยนชีวิตของคนรอบๆตัวเธอให้ดีขึ้นและในขณะเดียวกันเธอก็ต้องต่อสู้กับความโดดเดี่ยวของตัวเธอเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการผลิตระหว่างประเทศร่วมกันของประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน

6. Vivre Sa Vie (1962)

เรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอกจากจะต้องเลิกกับสามีแล้วทำงานที่ร้านขายแผ่นเสียง ความฝันที่จะเป็นดารามันก็ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนจนเธอต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมอันดีของสังคม.นอกจาก vivre sa vie จะทำตัวเป็น philosophical film ที่น่าอภิรมย์แล้ว การได้เห็น anna karina ซึ่งเป็นภรรยาของ godard ก็เป็นอะไรที่แอบประทับใจเล็ก ๆ เหมือนกันแบบไม่รู้ว่าทำไม

5. Pierrot Le Fou (1965)

Pierrot le Fou หรือที่ในภาษาอังกฤษแปลว่า ‘ปิเอร์โรต์คนคลั่ง’ (Pierrot the madman) เป็นผลงานหนังยาวลำดับที่ 10 อ้างอิงเรื่องราวตั้งต้นมาจากนิยาย Obsession (1962) แฟร์ดิน็องด์ ชายหนุ่ม-ผู้เพิ่งถูกอัปเปหิออกจากวงการโทรทัศน์-ที่เบื่อหน่ายกฎเกณฑ์รอบตัวขั้นสุด จนตัดสินใจทิ้งลูก/เมีย เพื่อนฝูง และสังคมชนชั้นกลางจอมปลอม แล้วออกเดินทางไปอย่างไร้จุดหมาย

4. Hiroshima Mon Amour (1959)

ภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง Hiroshima mon amour หรือ Hiroshima, My Love นั้นเป็นงานศิลป์เชิงวิพากษ์อีกเรื่องที่ถูกหยิบยกมาพูดในเรื่องของคุณค่าทางประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองผ่านความรักที่คลุมเครือ

เรื่องราวว่าด้วยการเดินทางไปยังฮิโรชิมาของดาราสาวฝรั่งเศส (Emmanuelle Riva) เพื่อแสดงหนัง และไปเยียวยา พร้อมเก็บข้อมูล เกี่ยวผู้คนในประเทศญี่ปุ่นภายหลังเหตุการณ์ปี 1945 ปรมณูลงที่ฮิโรชิม่าจนได้พบกับสถาปนิกหนุ่มชาวญี่ปุ่น (Eiji Okada) ความสัมพันธ์จากคนแปลกหน้าก็ได้ก่อเกิดเป็นความชอบพอ และความรักข้ามคืนระหว่างคนแปลกหน้าอยู่ดี

3. Le Samouraï (1967)

‘Le Samouraï’ ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของภาพยนตร์อาชญากรรม ที่ไม่ได้มาจากอเมริกา Le Samouraï’ เป็นเรื่องราวของนักฆ่ามืออาชีพ ที่พยายามสร้างข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง หลังจากสังหารเจ้าของไนต์คลับ กำกับโดย Jean-Pierre Melville ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับการจัดอันดับจาก นิตยสาร Empire ให้เป็นหนึ่งใน 39 หนังที่ดีที่สุดในโลก ในปี 2010

2. Breathless (1960)

Breathless หรือ À bout de souffle บอกเล่าชีวิตช่วงสั้นๆของหนุ่มสาวคู่หนึ่งในปารีสซึ่งมีความสัมพันธ์คลุมเครือ ในขณะที่หญิงสาวดูจะเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ รักอิสระ เธอมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่เธอไม่อาจไว้เนื้อเชื่อใจได้ แต่กระนั้นเธอก็ไม่อาจจะตัดใจจากเขา ส่วนชายหนุ่มซึ่งเราเห็นตั้งแต่แรกถึงวีรกรรมของเขาที่ทั้งขโมย หลอกลวง ไปจนถึงฆาตกรรม จนดูเหมือนว่าเขาเป็นคนนอกหรือคนต่อต้านสังคมเต็มตัว แต่กระนั้นกับหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนเขาจะยอมทำบางอย่างที่ทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย

1. The 400 Blows (1959)

The 400 Blows เป็นหนังที่ว่าด้วยเด็กชายอันตวนผู้ซึ่งอยู่ในครอบครัวค่อนข้างยากจน อยู่กับแม่ที่ค่อนข้างโมโหร้าย ด่ามากกว่าพูดคุยปกติ และกับพ่อซึ่งไม่ใช่พ่อแท้ๆแต่ก็เลี้ยงดูอันตวนมาแต่เล็ก พ่อเลี้ยงของอันตวนดูเหมือนจะใจดีแต่ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อาแน่เอานอนไม่ได้ ที่โรงเรียนชีวิตของอันตวนก็เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะมีครูที่เข้มงวดและไม่ค่อยฟังเด็กนักเรียน

อันตวนมีชีวิตอย่างอึดอัดและไร้ความสุข มีเพียงเรอเน่เพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างและโรงหนังที่อันตวนจะโดดเรียนไปอยู่เสมอ โกหกครูโกหกพ่อแม่ ขโมยของ หนีออกจากบ้าน มองเผิน ๆ อาจจะมองว่าอันตวนเป็นเด็กไม่ดีแต่จากหนังเราก็จะเข้าใจได้ว่าแท้จริงอันตวนก็พยายามอยู่เหมือนกันที่จะเป็นเด็กดีแต่มันดูเหมือนว่าไม่มีใครที่จะเข้าใจและช่วยเหลือ และในขณะเดียวกันอันตวนเองก็ทำตัวเองให้เจอกับสถานการณ์แย่ ๆ ลงไปอีกด้วยการคิดการตัดสินใจแบบเด็ก ๆ

เมื่อถูกแมลงกัดต่อยก็อาจเกิดรอยแดงที่ผิวหนัง เกิดอาการบวม หรืออาจรู้สึกปวดตามบริเวณดังกล่าว แต่หากอาการไม่รุนแรงมากก็อาจไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจนัก เพราะโดยส่วนใหญ่แมลงเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรง และอาจรักษาหรือบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นด้วยตนเองได้ที่บ้าน ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

อ่านบทคความเพิ่มเติม คาดว่า Apple จะปล่อย iOS 14 และ iPadOS 14 ให้ลองใช้ 15 ก.ย.นี้